เลเซอร์ ( Laser ) ลบรอยสัก รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ปานแดง ปานดำ
( Tattoos, Freckles, Dark Spots, Red Birthmarks, Black Birthmarks )
-
Q-Switched Nd: YAG Laser ( คิว สวิชท์ เอ็น ดี แยค เลเซอร์ )
Q Switched Nd: YAG Laser เลเซอร์สำหรับรักษาความผิดปกติของเม็ดสีบนผิวหนัง เป็นแสงเลเซอร์ประเภท Q-Switch ที่นำมาใช้ในการรักษากระลึก ปานดำ ความผิดปกติของเม็ดสี และรอยสัก เนื่องจากรอยโรคประเภทนี้จะอยู่ลึกถึงชั้นหนังแท้ และมีการเกาะกลุ่มรวมตัวกันของเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติขนาดเล็ก
การทำงานของเลเซอร์ Q Switched Nd: YAG
แสงเลเซอร์จะยิงออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ และให้กำลังแสงสูง แสงเลเซอร์จะถูกดูดซับด้วยเมลานินในเซลล์สีที่เป็นปัญหา ทำให้เซลล์สีถูกทำลายและสลายไปตามกระบวนการธรรมชาติโดยเนื้อเยื่อรอบข้างไม่ถูกทำลายไปด้วย
Q-Switch Nd: YAG Laser ใช้รักษารอยโรคอะไรบ้าง?
- กระแดด กระลึก กระตื้น กระเนื้อ ( Freckles, Deep Freckles, Skin Freckles )
- ฝ้าแดด ฝ้าตื้น ฝ้าลึก ฝ้าดื้อยา ( Sun freckles, Shallow Freckles, Deep freckles, Drug-Resistant Freckles )
- รักษารอยสิว รอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดง ( Acne Scars, Scars, Dark Spots, Red Spots )
- จุดด่างดำบนใบหน้า ( Dark Spots )
- ลบรอยสัก ปานดำ ปานน้ำตาล ปานโอตะ ( Nevus of Ota, Black Birthmarks, Red Birthmarks )
- ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า กระชับรูขุมขน ( Wrinkles, Tighten Pores )
- ช่วยแก้ปัญหาสีปากคล้ำ ( Dark Lips )
- ช่วยปรับสีผิวหลังทำเลเซอร์ขนบริเวณต่าง ๆ ได้ ( Adjust Skin Tone )
ผิวหนังบริเวณใดบ้างที่ใช้เลเซอร์รักษาได้
- โดยทั่วไปสามารถใช้เลเซอร์ได้กับผิวหนังทั่วร่างกาย
ใครไม่เหมาะที่จะทำ Q-Switch Nd: YAG Laser?
การทำ Q-Switch laser อาจไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนดังนี้
- ผู้ที่กำลังเป็นสิวอักเสบเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มมากขึ้นได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือผู้มีประวัติแพ้ยา ควรสอบถามแพทย์ก่อนเริ่มทำหัตถการ
- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- บริเวณที่ต้องการเลเซอร์ Q-Switch มีการติดเชื้อหรืออักเสบ รวมถึงผู้ที่อยู่ในระหว่างรักษาโรคทางผิวหนัง
- ผู้มีประวัติเป็นโรคลมชัก
- ผู้ที่เคยใช้สารลอกผิวหรือเลเซอร์กรอผิว
การรักษาด้วยเลเซอร์ Q Switched Nd: YAG มีความปลอดภัยหรือไม่?
เลเซอร์ Q Switched Nd: YAG ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพโดยไม่เกิดผลข้างเคียง เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ว่ามีความปลอดภัยสูง
รวมถึงยังได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสีและลบรอยสักได้ โดยสามารถยิงเลเซอร์ลงไปในระดับลึกพอเหมาะในชั้นหนังแท้ โดยไม่ทำให้เลือดออก ทำให้รอยแผลหายเร็วขึ้น ไม่เกิดข้อแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แผลเป็นนูน ไม่เกิดรอยคล้ำง่าย เป็นต้น
ต้องเตรียมตัวก่อนและหลังการรักษาอย่างไรบ้าง?
ก่อนการรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหรืองดการอาบแดดเป็นเวลา 14 วัน
- หากมีการแพ้ยา หรืออาหาร รวมถึงโรคประจำตัว มียาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับการรักษา
- งดทาครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนทำ Q-Switch Nd: YAG Laser
หลังการรักษา
- หากทำ Q-Switch Nd: YAG Laser บริเวณใบหน้า หรือทำเลเซอร์หน้าใส หลังทำสามารถแต่งหน้าและปฏิบัติตัวได้ตามปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ควรให้บริเวณที่พึ่งทำเลเซอร์โดนแดดโดยตรง และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่น้อยกว่า 50 เป็นประจำ
- ควรใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิว
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A วิตามิน C หรือกลุ่ม AHA BHA
- ควรบำรุงผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์ เพื่อบำรุงผิวใช้ชุ่มชื้นไม่แห้ง
ขั้นตอนการทำ Q-Switch laser มีอะไรบ้าง?
ขั้นตอนการทำ Q-Switch Nd: YAG Laser จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่หรือคลินิกเสริมความงาม แต่ขั้นตอนหลัก ๆ จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่จะทำ Q-Switch laser ในกรณีลบรอยสักจะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 40-60 นาที
- หลังจากนั้นจะเริ่มยิงเลเซอร์ร่วมกับเป่าลมเย็นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ประมาณ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา ในระหว่างการเลเซอร์จะมีการปิดตาเพื่อป้องกันแสง
- เมื่อทำเลเซอร์จนครบบริเวณ เจ้าหน้าที่จะทาครีมบำรุง หรือครีมกันแดดเพื่อลดอาการระคายเคือง และป้องกันแสงแดด
ทำ Q-Switch Nd: YAG Laser เจ็บไหม?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะทำ Q-Switch laser อาจรู้สึกอุ่น ๆ และรู้สึกถึงความเจ็บคล้ายหนังยางดีดเล็กน้อย ถ้าหากกลัวเจ็บสามารถแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ให้ทายาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บก่อนทำได้
Q-Switch laser ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
จำนวนครั้งในการรักษาด้วย Q-Switch Nd: YAG Laser เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา และลักษณะของปัญหาผิวที่ต้องการรักษา โดยควรทำประมาณ 3-6 ครั้งขึ้นไปก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
Q-Switch Nd: YAG Laser ควรห่างกันนานเท่าไหร่?
ควรเข้ารับบริการทำอย่างต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ 4-5 สัปดาห์ ตามสภาพปัญหาผิวและบริเวณที่รักษา ทั้งนี้ระยะห่างในการทำ Q-Switch Nd: YAG Laser จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนการเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม
ดังนั้นการรักษาจึงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ โดยแพทย์จะเลือกช่วงคลื่น ประกอบกับการใช้พลังงานที่เหมาะสมและระยะเวลาในการรักษาให้เหมาะสมกับรอยโรคเป็นรายบุคคลไป ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาจากผลการรักษาและการตอบสนองของรอยโรคกับการรักษาแต่ละครั้ง
ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตนและเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาเพื่อผลการรักษาที่ดี
จะรู้สึกอย่างไรระหว่างและหลังการรักษา?
- ระหว่างการรักษา : หลังจากทำความสะอาดผิวหนังแล้ว แพทย์จะใช้เครื่องเลเซอร์ฉายเลเซอร์ไปที่ตำแหน่งรอยโรคที่ต้องการรักษา จะรู้สึกอุ่นๆ และเจ็บหรือเจ็บเล็กน้อยขณะรับการรักษา
- หลังการรักษา : หลังทำการรักษาอาจมีแผลเกิดขึ้นและอาจมีเลือดซึมได้ รอยโรคจะมีสีเข้มขึ้นแล้วจึงค่อยๆ จางลง หลังการรักษาจะมีความรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ทำการรักษา และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 4-6 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงจากการทำ Q Switch Nd: YAG Laser
Q Switch Nd: YAG Laser ผลข้างเคียงหลังจากทำ Q-Switch laser อาจพบว่ามีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้คือ บริเวณที่ทำอาจมีสีผิวเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่อาการนี้จะค่อย ๆ หายและกลับสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน รวมถึงผิวอาจตกสะเก็ดหรือเกิดรอยดำ แต่จะหลุดออกหมดภายใน 1-2 สัปดาห์เช่นกัน นอกจากนี้ผิวหนังบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจเกิดอาการแดง และบวมเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองในไม่กี่ชั่วโมง หากมีอาการแสบร้อน เกิดตุ่มพุพองบริเวณที่ทำเลเซอร์ ควรรีบปรึกษาแพทย์
ความแตกต่างระหว่าง Q-Switched Nd: YAG Laser กับ Dual Yellow Laser
Q-Switched Nd: YAG Laser และ Dual Yellow Laser ต่างก็เป็นเลเซอร์ที่ช่วยรักษาจุดด่างดำ รอยดำ กระ ฝ้า และเป็นเลเซอร์หน้าใสทั้งคู่ แล้วเลเซอร์ทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร? Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ผสม 2 ความยาวคลื่นเข้าด้วยกันคือ เลเซอร์แสงสีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และเลเซอร์แสงสีเขียวที่มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร สามารถลดโอกาสการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ นอกจากนี้หลังทำยังไม่มีแผล ไม่ตกสะเก็ด ซึ่งจะแตกต่างกับ Q-Switched Nd: YAG Laser
รวมถึงระหว่างการทำเลเซอร์ Q-Switched Nd: YAG Laser จะรู้สึกเจ็บนิด ๆ คล้ายหนังยางดีดที่ผิว และอาจมีอาการแสบร้อนหลังทำร่วมด้วย ในขณะที่ Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่อ่อนโยนต่อสภาพผิว ระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บเหมือนการทำ Q-Switched Nd: YAG Laser
ความแตกต่างระหว่าง Q-Switched Nd: YAG Laser กับ IPL
Q-Switched Nd: YAG Laser กับ IPL ( Intense Pulsed Light ) ต่างกันตรงที่ Q-Switched Nd: YAG Laser จะเป็นเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นแคบ มีความเข้มข้นสูง เหมาะกับการรักษาปัญหาเฉพาะจุด และช่วยทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ จึงสามารถช่วยลดจุดด่างดำ กระ ฝ้า ปานดำ และลบรอยสักได้ ในขณะที่ IPL จะเป็นแสงที่มีช่วงคลื่นแสงกว้าง ถูกปล่อยออกมาหลายช่วงพร้อมกัน เหมาะสำหรับรักษาปัญหาผิวอย่างครอบคลุม ทั้งรักษาจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ รวมไปถึงยังใช้กำจัดขนตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้

-
Picosecond Laser or Pico Laser ( พิโค เซกกัน เลเซอร์ หรือ พิโค่เลเซอร์ )
Picosecond Laser หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า “พิโค่เลเซอร์ (Pico Laser) คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่นำมาใช้รักษาปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น การกำจัดเม็ดสี จุดด่างดำ แก้ปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน หรือริ้วรอยแห่งวัย พัฒนาต่อมาจาก Q-Switched Laser ที่เราคุ้นเคยและใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคก่อนหน้านี้ ทำให้เทคโนโลยี Picosecond Laser สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวได้มากกว่า และมีประสิทธิภาพสูงกว่ารูปแบบเครื่องรุ่นเก่า
Picosecond Laser จัดเป็นกลุ่ม Ultrashort Laser หรือเลเซอร์ที่สามารถปล่อยพลังงาน (Power) ที่สูงมากในระดับ Gigawatt หรือ 109 วัตต์ หรือ 1,000,000,000 วัตต์ ออกมาในช่วงของระยะเวลาการปล่อยแสงเลเซอร์ (Pulse Duration) ที่สั้นมากถึงระดับ Picosecond หรือ 10-12 วินาที หรือ 0.000000000001 วินาที
เทคโนโลยี Picosecond Laser สามารถปล่อยพลังงานแสงในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้เม็ดสีเมลานินแตกละเอียดมากยิ่งขึ้น เรียกว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดและใช้เวลารักษาที่สั้นมาก ทำได้ดีกว่าการเลเซอร์ Q-Switched Nd: YAGLaser แบบเก่าทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผลลัพธ์ที่เห็นประสิทธิภาพได้รวดเร็วมากขึ้น
ในระหว่างที่รับบริการก็ยังเจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์ในแบบเดิม และโอกาสในการเกิดรอยคล้ำหลังทำก็ยังน้อยกว่ามาก ๆ อีกด้วย รูปแบบของการรักษาไม่ได้ทำให้เกิดความร้อนและการบาดเจ็บของผิวที่สูงมากเหมือนกับการทำเลเซอร์แบบเดิม
หลักการทำงานของ Pico Laser
- ด้วยคุณสมบัติการปล่อยพลังงานที่สูงในช่วงระยะเวลาที่สั้นของเครื่อง Pico Laser จึงทำให้ Picosecond Laser สามารถบีบอัดพลังงานลงไปยังเม็ดสี
- ทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดสีอย่างละเอียด ( Photo-Acoustic Effect )
- แล้วเกิดการลำเลียงเม็ดสีที่แตกละเอียดนี้ออกไปโดยระบบกำจัดของเสียของร่างกาย
- จึงทำให้สามารถใช้ Picosecond Laser ในการรักษาโรค หรือภาวะที่มีเม็ดสีบริเวณผิวหนังผิดปกติได้ เช่น รอยดำรอยแดงจากสิว กระ ฝ้า ปานโอตะ รวมไปถึงการลบรอยสัก (อย.อเมริการับรอง / U.S. FDA Approved)
มากไปกว่านั้น Picosecond Laser ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่า นอกจากจะทำให้ผิวขาวใสขึ้นจากการกำจัดเม็ดสีแล้ว ยังทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ หรือที่เรียกว่า Skin Rejuvenation ( อย.อเมริการับรอง / U.S. FDA Approved )
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้มีการนำ Pico Laser มาใช้ในผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ เหงือกและริมฝีปากคล้ำ ริ้วรอยตื้นๆ รอยแตกลาย และแผลเป็นบางชนิด
นอกจากนี้ การยิง Picosecond Laser ผ่าน Microlens Arrays (MLA) ซึ่งเป็น Special Handpiece ของ Picosecond Laser นั้น ทำให้เกิดการปล่อยพลังงานของ Picosecond Laser ออกมาในรูปแบบของลำแสงเลเซอร์เล็ก ๆ จำนวนมาก ( Fractional Picosecond Laser )
ทำให้เกิดการบีบอัดพลังงานลงไปในชั้นหนังแท้โดยเฉพาะ และเกิดเป็นช่องว่างในชั้นหนังแท้โดยไม่มีการทำลายชั้นหนังกำพร้า (Laser-Induced Optical Breakdown – LIOB)
จากนั้นจะเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis) ในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่ของ Picosecond Laser โดยเฉพาะ โดยสามารถใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ริ้วรอยตื้นๆ และแผลเป็นบางชนิด (อย.อเมริการับรอง / U.S. FDA Approved)
Pico Laser ใช้รักษาอะไรได้บ้าง?
กลุ่มปัญหาเม็ดสี ( Pigmentary Disorders )
- ฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง ( Freckles, Dark Spots, Red Spots )
- สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวคล้ำ ผิวหน้าไม่กระจ่างใส ( Uneven Skin Tone, Dark Skin, Dull Skin )
- ปานโอตะ ( Nevus of Ota ) เป็นปานแต่กำเนิดชนิดที่พบบ่อยในชาวเอเชีย มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม สีเขียว สีฟ้าเทา หรือสีน้ำเงิน
- เหงือกและริมฝีปากคล้ำ ( Dark Gums and Lips )
- ทำได้แม้จุดบอบบาง เผยผิวที่หมองคล้ำมาแต่กำเนิดให้ขาวกระจ่างใสอมชมพูมากขึ้น
- ลบรอยสัก
กลุ่มผิวไม่เรียบเนียน ( Uneven Skin Texture )
- หลุมสิว ( Acne Scars )
- รูขุมขนกว้าง ( Large Pores )
- รอยแตกลาย ( Stretch Marks ) ทั้งรอยแตกลายเกิดใหม่หรือลึกสะสมมาหลายปี
- แผลเป็นบางชนิด ( Some Types of Scars )
กลุ่มปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ( Wrinkle / Fine Lines )
- ริ้วรอยร่องตื้น หรือริ้วรอยแรกเริ่ม ( Fine Line ) คือ ริ้วรอยที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน เป็นริ้วรอยที่พึ่งเกิดในชั้นผิวหนังกำพร้าที่อยู่บนสุด จึงยังไม่เกิดลงลึกไปถึงชั้นโครงสร้างผิวหนังแท้
- ผิวดูอ่อนเยาว์ ชั้นผิวหนาและแข็งแรงขึ้น
ความแตกต่างของ Pico Laser และ Q Switched Nd: YAG Laser
อยู่ที่ระยะเวลาในการปล่อยแสง โดยที่ Pico Laser มีความเร็วในการปล่อยแสงอยู่ที่ 1 ต่อล้านล้านวินาที (Picosecond) แต่ Q-Switched มีความเร็วในการปล่อยแสงเพียง 1 ต่อพันล้านวินาที (Nanosecond) ซึ่งรอยสักแต่ละชนิด จะเหมาะกับการใช้ชนิดของเลเซอร์ที่แตกต่างกัน
ระบบของ Q-Switched Nd: YAG ( Nanosecond Laser ) จะเหมาะกับการลบรอยสักเม็ดสีที่มีความใหญ่และหนาแน่น ส่วน Picosecond Laser ถูกพัฒนามาให้เหมาะกับการกำจัดเม็ดสี หรือรอยสักที่ดื้อ สามารถกำจัดเม็ดสีขนาดเล็กได้ดีและทำให้เม็ดสีนั่นมีขนาดเล็กลงไปอีกเพื่อให้เม็ดเลือดขาวของเราสามารถกำจัดเม็ดสีเหล่านั้นออกได้ดียิ่งขึ้น
Q-Switch Nd: YAG Laser : ส่วนใหญ่เน้นการรักษาในชั้นผิวที่ไม่ลึกมาก การรักษาปัญหาผิวที่อยู่ลึกอาจใช้เวลามากขึ้นและอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
Pico Laser : สามารถเจาะลึกลงไปในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะกับการรักษาปัญหาผิวที่ซับซ้อนหรือฝังแน่น เช่น รอยสักที่มีสีลึกหรือปัญหาเม็ดสีในชั้นผิวลึก
ซึ่งจำนวนครั้งของการทำเลเซอร์ลบรอยสักของแต่บุคคลจะใช้จำนวนครั้งในการลบไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความเข้มหรือความหนาแน่นของสีสัก วิธีการสัก สภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละคน ซึ่งการดูแลหลังการรักษา ควรงดโดนน้ำ 24 ชั่วโมง มีระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 7-14 วันหรือจนกว่าสะเก็ดหลุดหมดและจะสามารถกลับลบรอยสักอีกครั้งได้ในช่วง 6-8 สัปดาห์
อย่าปล่อยให้คู่แข่งนำหน้า!
อัปเดตเทรนด์ และ Protocols
นวัตกรรมมือแพทย์ล่าสุดก่อนใครที่นี่!!