HIFU : High Intensity Focused Ultrasound
HIFU คืออะไร?
HIFU ก็คือคำที่ย่อมาจากภาษาอังกฤษ คือ High intensity Focused Ultrasound ที่โฟกัสอัลตร้าซาวด์ ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีที่จะนำเอาคลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์ให้ไปรวมศูนย์กันที่จุดใดจุดหนึ่ง จนทำให้เกิดความสามารถในการใช้รักษาโรคโดยการใช้คลื่นเสียงขึ้น
เทคโนโลยี HIFU นี้มีการนำมาใช้ในการรักษาโรคตั้งแต่ปี 1999 มาถึงตอนนี้ก็ประมาน 20 กว่าปี โดยมีประเทศต่างๆที่นำเทคโนโลยีนี้นำไปใช้ในการรักษาโรคมากกว่า 13 ประเทศ ตัวอย่างเช้น มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ประเทศเยอรมันนี เบลเยียมที่ไต้หวัน ที่ฮ่องกง ที่ประเทศจีน ที่มาเลเซีย เป็นต้น
จำนวนคนไข้ที่ได้รับการรักษาโดยวิธี HIFU ในปัจจุบัน มีคนไข้มากว่า 2 แสนรายในโลกนี้ที่รักษาด้วยวิธีHIFU ซึ่งเป็นการรักษาที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี
หลักการทำงานของ HIFU
หลักการของการรักษาด้วยวิธี HIFU โดยดั้งเดิม เราจะใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์ในการส่งผ่านอวัยวะต่างๆลงไป เพื่อสะท้อนภาพขึ้นมาให้เราเห็นอวัยวะภายในร่างกาย ตัวอย่างเช่น จะไปดูตับ หรือทารกในครรภ์ ถ้าเรานำเอาคลื่นเสียงเหล่านี้ ที่เราส่งเข้าไปมารวมในจุดใดจุดหนึ่งที่เราต้องการ จะทำให้พลังงานเกิดขึ้นค่อนข้างจะสูง คล้ายกับหลักการนำแว่นขยาย รวมแสงจากดวงอาทิตย์ เพื่อทำให้เกิดความร้อนสู่จุดใดจุดหนึ่ง การทำงานของ HIFU นี้ก็จะเป็นวิธีการคล้ายกัน เพียงแต่ว่าแสง ไม่สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราได้ เราจึงใช้วิธีการที่นำเอาคลื่นเสียงที่สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราได้ รวมศูนย์ที่จุดใดจุดหนึ่งเพื่อให้เกิดภาพการรักษาโรคได้
การรักษาด้วย HIFU
HIFU สามารถทำ ได้ทั้งบริเวณใบหน้า, แก้ม, เหนียง, คอ รวมถึงต้นแขน ต้นขา และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ทำ HIFU ยืดหยุ่นมากขึ้น และลดริ้วรอยต่าง ๆ โดยที่หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงจะเห็นทันทีหลังทำเสร็จ และจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังทำประมาณ 1 เดือน
Liposonix คือการใช้ High Intensity Focused Ultrasound หรือ HIFU ในบริเวณที่ใหญ่และหนากว่า เช่น ลำตัว ต้นขา หรือบริเวณแขนที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก หลักการการทำงานเช่นเดียวกับ HIFU แต่จะสามารถเผาผลาญไขมันได้ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว ต่อบริเวณที่ทำ โดยความลึกของ Liposonix ตัวใหม่นี้สามารถลงไปได้ลึกตามพื้นผิวความลึกตั้งแต่ 6mm 8mm 10mm 13mm 16mm เพื่อสลายไขมันออกจากส่วนที่ไขมันสะสมของร่างกาย
ผลลัพธ์หลังรักษาด้วย HIFU
ตำแหน่งที่เราจะรวมเป็นจุดโฟกัสของคลื่นเสียงลงไป เราจะสามารถกำหนดได้ค่อนข้างแม่นยำ และแน่นอน เพราะฉะนั้นจะทำให้เกิดความผิดพลาดของการรักษาได้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดที่เราสามารถกำหนดและเห็นตลอดระยะเวลาที่เราทำการรักษา
HIFU กี่ไลน์เห็นผล?
การทำ HIFU กี่ไลน์ถึงจะเห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ทำ HIFU, ความหย่อนคล้อยของผิว, ปริมาณไขมัน หรือสภาพผิวที่เป็นอยู่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการรักษาทั้งหมด ดังนั้นก่อนทำ HIFU ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินปัญหาก่อน เพื่อรับคำแนะนำว่าตำแหน่งไหนควรใช้กี่ไลน์ หรือควรแก้ไขตรงไหนเป็นพิเศษ สำหรับการประเมินจำนวนไลน์ คร่าว ๆ แต่ละบริเวณจะใช้จำนวนไลน์ขั้นต่ำ ดังนี้
- ใต้ตารวมร่องแก้ม ใช้ประมาณ 300 ไลน์
- แก้มรวมเหนียง ใช้ประมาณ 300 ไลน์
- เหนียง ใช้ประมาณ 100 ไลน์
- ทั่วหน้า หรือต้นแขน ใช้ประมาณ 500-700 ไลน์
- ทั่วหน้ารวมลำคอ ใช้ประมาณ 1,000 ไลน์
- ต้นขา ใช้ประมาณ 1,000 ไลน์
หากเลือกใช้จำนวนไลน์ที่ไม่พอดีกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ดังนั้นหากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดี ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ประเมินใบหน้าและคำนวณจำนวนไลน์ที่ใช้ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
“หน่วยของ HIFU สามารถนับได้ทั้ง ไลน์ (Line) และ ช็อต (Shot) ซึ่งเรียกตามหัวยิงของเครื่อง HIFU เช่น หัวยิงแบบ Single Shot และหัวยิงแบบ Line Cartridge โดยหัวยิงทั้งสองจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของผลลัพธ์”
หลังทำ HIFU กี่วันถึงจะเห็นผล?
หลังทำ HIFU สามารถเห็นผลความกระชับได้เล็กน้อย และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะเวลา 1-2 เดือน ซึ่งหลังทำไฮฟู่เสร็จจะไม่มีแผล ไม่มีรอยเข็ม และไม่ต้องพักฟื้น ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
การทำ HIFU อยู่ได้นานไหม?
HIFU อยู่ได้นานไหม? โดยทั่วไปการทำ HIFU 1 ครั้ง จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเครื่อง HIFU ที่ใช้ การใช้ค่าพลังงาน และการดูแลตนเองหลังทำ HIFU ด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก 3 เดือน
ทำ HIFU เจ็บไหม?
การทำ HIFU เจ็บไหม? ไฮฟู่เป็นหัตถการที่ทำแล้วค่อนข้างเจ็บในระดับหนึ่ง เนื่องจากขณะทำมีการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) เพื่อยกกระชับ อาจส่งผลให้มีความรู้สึกปวดบริเวณใต้ชั้นผิว แต่ถ้าหากผู้เข้ารับบริการไม่ต้องการให้เจ็บมาก สามารถบอกแพทย์ให้ลดระดับพลังงานลง ทั้งนี้ ระดับความเจ็บของการทำ HIFU ยังขึ้นอยู่กับเครื่องที่ใช้ทำ HIFU อีกด้วย เพราะถ้าทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยอาจมาจากการที่หมอใช้พลังงานต่ำมากเกินไป หรือใช้เครื่องทำ HIFU ที่ไม่ได้มาตรฐาน
การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
- งดรับประทานยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Mefenamic acid (Ponstan™) รวมถึงงดวิตามิน St. Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E เพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากรับประทานยาอยู่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับทำหัตถการ
- พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะสารอาหารจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใหม่ ๆ
- งดตากแดดจัด อาบแดด หรือซาวน่าก่อนทำ HIFU ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสบวมแดง
“สำหรับผู้ที่เคยทำหัตถการฉีด Botox, Filler, Laser หรือหัตถการต่าง ๆ ควรแจ้งและปรึกษาแพทย์ก่อนล่วงหน้า เพราะ HIFU อาจมีผลต่อการรักษาและอาจต้องเว้นระยะก่อนถึงจะทำ HIFU”
ขั้นตอนการทำ HIFU
ทำ HIFU แต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 30-50 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น สำหรับขั้นตอนการทำ HIFU มีดังนี้
- ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำแล้วเช็ดให้แห้ง
- ก่อนทำ HIFU จะทำการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บให้ลดน้อยลง
- ทาเจล Ultrasound เพื่อให้พลังงานถูกส่งไปใต้ชั้นผิว
- หลังจากนั้นจึงทำการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) เพื่อยกกระชับผิว โดยผู้เข้ารับ
- บริการจะรู้สึกอุ่น ๆ ใต้ผิวบริเวณที่ทำ
ข้อปฏิบัติตัวหลังทำ HIFU
หลายคนอาจจะสงสัยว่าหลังทำ HIFU ห้ามทำอะไรบ้าง? ซึ่งการปฏิบัติตัวหลังทำ HIFU ที่ดีจะช่วย
ให้ผลลัพธ์หลังทำออกมาตรงตามคาดหวัง โดยมีข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU ดังนี้
- หลังทำ HIFU หากมีอาการตึงผิวหรือเมื่อยล้า สามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้
ไม่ควรจับ นวดหรือถูใบหน้าแรง ๆ - สามารถบำรุงผิวหน้า ทาครีมได้ตามปกติ และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันแสงแดด
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะสามารถทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวหนังได้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
สามารถทำ HIFU ควบคู่กับหัตถการแบบอื่นได้หรือไม่?
การทำ HIFU สามารถทำควบคู่ไปกับหัตถการอื่นได้ เช่น ฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ โบท็อก (Botox), ฉีดฟิลเลอร์ (Filler), เมโสแฟต (Meso Fat), ร้อยไหม เป็นต้น แต่ทั้งนี้การเรียงลำดับการทำหัตถการแต่ละอย่างควรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
HIFU มีข้อเสีย หรือผลข้างเคียงไหม?
การทำ HIFU ข้อเสียหรือผลข้างเคียงมีหรือไม่? หลังทำ HIFU อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น รู้สึกเสียวแปลบขณะทำการรักษา อาการบวมแดงเล็กน้อย อาการชาหรือช้ำหลังทำ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง
อย่าปล่อยให้คู่แข่งนำหน้า!
อัปเดตเทรนด์ และ Protocols
นวัตกรรมมือแพทย์ล่าสุดก่อนใครที่นี่!!