Leasing vs Hire Purchase: จะ “เช่าใช้” หรือ “ซื้อผ่อน” แบบไหนคุ้มกว่ากัน?
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการเงิน เราจะมาไขข้อสงสัยให้ชัดว่า “ระบบเช่าใช้” (Leasing / Subscription) และ “ซื้อขาดดาวน์ผ่อน” (Hire Purchase / Installment) ต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ
1. ระบบเช่าใช้ (Leasing / Subscription) คืออะไร?
ระบบเช่าใช้คือโมเดลที่ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือรายปี เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการ “ใช้งาน” สินทรัพย์หรือบริการนั้นๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยที่กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของผู้ให้บริการ
พูดง่ายๆ คือ “เช่าเพื่อใช้” ไม่ได้เช่าเพื่อเป็นเจ้าของ
ตัวอย่างที่คุ้นเคย:
• บริการ: Netflix, Spotify (จ่ายรายเดือนเพื่อรับชม/ฟัง)
• ซอฟต์แวร์: Microsoft 365, Adobe Creative Cloud (จ่ายรายปีเพื่อใช้งาน)
• สินทรัพย์: การเช่ารถยนต์, การเช่าเครื่องถ่ายเอกสารในออฟฟิศ
2. ระบบซื้อขาดดาวน์และผ่อนชำระ (Hire Purchase / Installment) คืออะไร?
คือการ “ซื้อเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์” โดยผู้ซื้อแบ่งชำระเป็นงวดแทนการจ่ายเงินสดเต็มจำนวนในครั้งเดียว
องค์ประกอบหลัก:
• เงินดาวน์ (Down Payment): เงินก้อนแรกที่จ่ายเพื่อลดภาระหนี้
• ผ่อนชำระ (Installment): จ่ายเงินต้นบวกดอกเบี้ยเป็นงวดตามระยะเวลาที่ตกลง (เช่น 48 หรือ 60 เดือน)
• กรรมสิทธิ์: จะโอนเป็นของผู้ซื้อเมื่อชำระครบทั้งหมด
พูดง่ายๆ คือ “ผ่อนเพื่อเป็นเจ้าของ”
ตัวอย่างที่คุ้นเคย: การซื้อบ้าน การซื้อรถยนต์ส่วนตัว หรือการผ่อนโทรศัพท์มือถือ
3. ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองระบบ
| ประเด็น | ระบบเช่าใช้ (Leasing) | ซื้อขาดและผ่อนชำระ (Purchase) |
|---|---|---|
| เป้าหมายหลัก | ได้สิทธิ์ในการ “ใช้งาน” (Access) | ได้สิทธิ์ในการ “เป็นเจ้าของ” (Ownership) |
| กรรมสิทธิ์ | ผู้ให้บริการเป็นเจ้าของ | ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์เมื่อผ่อนครบ |
| ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น | ต่ำ (ค่ามัดจำหรือค่าธรรมเนียมแรกเข้า) | สูง (มีเงินดาวน์) |
| ค่าใช้จ่ายรวม | หากเช่ายาวมาก อาจสูงกว่าการซื้อ | คงที่ (ราคาสินค้า + ดอกเบี้ย) |
| การบำรุงรักษา | รวมอยู่ในสัญญา ผู้ให้บริการดูแล | ผู้ซื้อรับผิดชอบเอง |
| เทคโนโลยี | อัปเกรดได้ง่ายเมื่อครบสัญญา | ใช้รุ่นเดิมจนกว่าจะซื้อใหม่ |
| ทางบัญชี (ธุรกิจ) | ถือเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) หักภาษีได้ทันที | ถือเป็นสินทรัพย์ (Asset) และหนี้สิน (Liability) ต้องคิดค่าเสื่อมราคา |
4. ประโยชน์ของแต่ละระบบ และแนวทางเลือกใช้ให้เหมาะสม
ระบบเช่าใช้ (Leasing / Subscription)
• ✅ รักษาสภาพคล่อง (Cash Flow): ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่ต้น
• ✅ อัปเดตเทคโนโลยีได้เสมอ: เหมาะกับสินค้าที่ตกรุ่นเร็ว เช่น อุปกรณ์ไอทีหรือซอฟต์แวร์
• ✅ ลดภาระบริหารจัดการ: ไม่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมหรือการขายต่อ
• ✅ ยืดหยุ่นต่อการขยายธุรกิจ: เพิ่ม/ลดจำนวนการใช้งานได้ตามความต้องการ
ระบบซื้อขาดและผ่อนชำระ (Purchase)
• ✅ ได้กรรมสิทธิ์: เป็นของบริษัท สร้างมูลค่าในงบดุล
• ✅ ต้นทุนระยะยาวต่ำกว่า: หากสินทรัพย์ใช้งานได้หลายปี
• ✅ สร้างมูลค่าทางบัญชี: สามารถขายต่อหรือใช้เป็นหลักประกันได้
• ✅ ควบคุมการใช้งานได้เต็มที่: ปรับแต่งหรือดัดแปลงได้ตามต้องการ
5. แบบไหนเหมาะกับใคร?
| เหมาะกับ “ระบบเช่าใช้” | เหมาะกับ “ซื้อขาดและผ่อนชำระ” |
|---|---|
| Startup หรือ SME ที่ต้องการรักษาเงินสด | ธุรกิจที่มั่นคง กระแสเงินสดแข็งแรง |
| ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว | ธุรกิจที่ใช้สินทรัพย์ถาวร เช่น อาคาร เครื่องจักร |
| องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น | องค์กรที่ต้องการสร้างมูลค่าสินทรัพย์ในงบดุล |
| ผู้ที่ไม่อยากดูแลบำรุงรักษาเอง | ผู้ที่ต้องการควบคุมสินทรัพย์ 100% |
6. 5 คำถามก่อนตัดสินใจ
• เราต้องการ “ใช้” หรือ “เป็นเจ้าของ”?
• สินทรัพย์นี้ตกรุ่นเร็วหรือไม่?
• มีเงินดาวน์ก้อนแรกไหม?
• ต้องการใช้งานระยะสั้นหรือยาว?
• ยินดีรับภาระดูแลและขายต่อเองหรือไม่?
คำตอบเหล่านี้จะบอกแนวทางที่เหมาะกับสถานะทางการเงินของธุรกิจคุณ
บทสรุป
Leasing คือทางเลือกที่เน้น “การใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ” ส่วน Hire Purchase คือ “การลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าทรัพย์สินระยะยาว”
ธุรกิจยุคใหม่อาจใช้ทั้งสองระบบร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด—เช่าสิ่งที่เปลี่ยนเร็วเพื่อรักษาความคล่องตัว และซื้อสิ่งที่ใช้ยาวเพื่อสร้างความมั่นคงในงบดุล
อย่าปล่อยให้คู่แข่งนำหน้า!
อัปเดตเทรนด์ และ Protocols
นวัตกรรมมือแพทย์ล่าสุดก่อนใครที่นี่!!






